ศิษย์อาจารย์วัลลภ ธรรมบันดาล
ทำนายโชคชะตาแม่นยำ เฉียบขาด
ยุคนี้สมัยนี้เป็นยุคแห่งความรุ่งเรืองทางด้านเทคโนโลยี่และวิทยาศาสตร์ เป็นยุคสมัยของเครื่องคอมพิวเตอร์หรือยุคไฮเทคนั่นเอง แต่ถึงแม้ว่าวิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าเพียงใด มนุษย์ก็ยังไม่ละทิ้งศาสตร์แห่งการพยากรณ์โชคชะตาความเป็นไปแห่งชีวิต ยังสนใจค้นคว้ากันอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งในเมืองไทยและในต่างประเทศ ทำให้มีวิชาทำนายทายทักแตกต่างกันไป เช่น โหราศาสตร์ไทย โหราศาสตร์ภารตะ โหราศาสตร์ยูเรเนียน และอื่นๆอีกร้อยแปด ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม หากได้ศึกษาโดยลึกซึ้งแล้ว ก็มักหนีไม่พ้นการนำความเป็นไปของธรรมชาติเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้น เช่น การนำเอาคุณลักษณะของดาวพระเคราะห์ ดวงอาทิตย์ หรือธาตุทั้งสี่ และปัจจัยอื่นๆ เข้ามาใช้ในการพยากรณ์ ซึ่งก็ให้ผลในการพยากรณ์สอดคล้องกับความเป็นไปของชีวิตมนุษย์
สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาโหราศาสตร์ในประเทศไทยก็มีบุคคลในหลายวงการหลายอาชีพ บางคนก็เคยเป็นแม่ค้า บางคนก็เคยเป็นเจ้าของกิจการใหญ่โต บางคนเคยล้มเหลวในชีวิต บางคนก็เป็นบุคคลในระดับสังคมชั้นสูง บางคนก็เป็นนายตำรวจ ซึ่งก็แตกต่างกันไป แต่วันนี้ผู้เขียนจะขอนำท่านผู้อ่านให้มารู้จักกับผู้ที่มีความสามารถในการพยากรณ์โชคชะตาได้แม่นยำเฉียบขาดด้วยตำรากาลโยคของอาจารย์วัลลภ ธรรมบันดาล ซึ่งท่านผู้นั้นก็คือ อาจารย์กิตตินันท์ เจนาคม
ประวัติความเป็นมา
อาจารย์กิตตินันท์ เจนาคม ได้เล่าประวัติความเป็นมาของตนเองให้ทราบดังนี้
“ผมเป็นชาวจังหวัดลพบุรี แต่ชีวิตส่วนใหญ่มาเติบโตในกรุงเทพมหานครนี่เอง ผมเองปี 2503 ที่อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ได้รับการศึกษาจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ในสมัยนั้นจากโรงเรียนอนุบาลลพบุรี หลังจากนั้นก็ได้เข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพฯ โดยจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 (สมัยนั้น) จากโรงเรียนมัธยมสาธิต มศว. ปทุมวัน จากนั้นก็สอบเข้าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ศึกษาจนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย สำหรับการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ผมสำเร็จการศึกษาจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์”
อาจารย์กิตตินันท์ ยังได้เปิดเผยถึงชีวิตหน้าที่การงานอีกว่า
“เมื่อผมจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผมก็ตระเวนหางานทำไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งมีจดหมายเรียกตัวจากธนาคารไทยพาณิชย์จำกัดให้ไปรายงานตัว เมื่อถึงกำหนดผมก็รีบไปรายงานตัวและก็ได้ทำงานธนาคารตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา”
วิถีชีวิตด้านการงานของอาจารย์กิตตินันท์ก็ดำเนินมาตามปกติ จนกระทั่ง
“พอผมทำงานได้ครบปีที่สอง อายุย่างเข้าวัยเบญจเพศพอดี ผมก็ได้รับคำสั่งย้ายให้ประจำสำนักงานใหญ่ โดยภารกิจใหม่นี้ได้หักเหชีวิตผมพอสมควร เพราะผมต้องเดินทางไปวางระบบคอมพิวเตอร์ให้กับสาขาในต่างจังหวัด ชีวิตในช่วง 4-5 ปีนี้ ผมตระเวนไปทั่วประเทศ มีโอกาสได้เรียนรู้ความเป็นไปของบุคคลได้หลายรูปแบบ ได้ประสบการณ์ชีวิตมากพอสมควร จนเมื่อประมาณปีพ.ศ. 2532 ผมจึงย้ายกลับเข้ามาประจำสำนักงานใหญ่ ในกรุงเทพฯ”
“ทำงานที่ธนาคารไทยพาณิชย์มาร่วมสิบปี หลังจากนั้นชีวิตหักเหให้ย้ายที่ทำงาน โดยย้ายมาอยู่ธนาคารทหารไทย สำนักงานใหญ่ ทำอีกประมาณ 4-5 ปี ผมทำงานด้านโหราศาสตร์ควบคู่ด้วยมาตลอด เป็นช่วงที่งานโหราศาสตร์กำลังสนุก จึงมีความคิดที่จะทำงานที่ตนเองรักจริงๆ จึงตัดสินใจลาออกมาทำงานด้านโหราศาสตร์เต็มตัวจนถึงทุกวันนี้”
แรงบันดาลใจที่ทำให้หันมาสนใจโหราศาสตร์
อาจารย์กิตตินันท์เปิดเผยให้ทราบอีกว่า
“เดิมทีนั้นผมมีความสนใจในโหราศาสตร์บ้างเหมือนกัน แต่ไม่เคยเข้าไปศึกษาอย่างจริงๆจังๆ จนกระทั่งวันหนึ่งผมได้เดินทางไปเที่ยวบ้านเพื่อนพนักงานที่จังหวัดขอนแก่น เห็นที่ชั้นวางหนังสือของเขามีตำราโหราศาสตร์อยู่เล่มหนึ่ง จึงนึกสนุกอยากศึกษาก็เลยยืมเขามาอ่าน อ่านไปอ่านมาก็ยิ่งสนใจ ผมจึงทดลองพยากรณ์ดวงชะตาของตนเอง ปรากฎว่าถูกต้องประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้ผมมีความคิดว่าดวงดาวนั้นน่าจะมีอิทธิพลต่อชะตาชีวิตของมนุษย์จริง ไม่ใช่เรื่องงมงายแต่ประการใด จึงเกิดแรงบันดาลใจให้ผมอยากศึกษาค้นคว้าให้รู้ซึ้งถึงแก่นแท้ของวิชาโหราศาสตร์อย่างจริงจังตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา”
ประสบการณ์ทางโหราศาสตร์
อาจารย์กิตตินันท์ได้ย้อนถึงประสบการณ์ในด้านการศึกษาวิชาโหราศาสตร์และการพยากรณ์ให้ผู้เขียนทราบอีกว่า
“หลังจากนั้น ผมก็เริ่มขวนขวายหาตำราสารพัดตำรามาศึกษา โดยยังไม่ได้ฝากฝังเป็นศิษย์รับการถ่ายทอดวิชาโหราศาสตร์จากอาจารย์ท่านใด ทุกครั้งที่ผมเดินทางไปทำงานในต่างจังหวัด ก็จะนำตำราไปศึกษาด้วย อ่านจนจำความหมายทางโหราศาสตร์ได้ขึ้นใจ แต่ก็ยังไม่เคยพยากรณ์ให้ใคร จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนที่ทำงานทีมเดียวกันไปปล่อยข่าวว่าผมดูหมอแม่น ทั้งๆที่ไม่เคยดูให้ใครมาก่อน ทำให้เพื่อนๆพนักงานในสาขาที่ผมไปช่วยงานโดยเฉพาะบรรดาสาวๆมารุมล้อมให้ดูดวงให้ ไปสาขาใดก็ตามนอกจากจะทำหน้าที่ช่วยงานตามภารกิจแล้ว ยังต้องทำหน้าที่เป็นหมอดูไปด้วย ก็ทำให้มีพื้นฐานในการพยากรณ์มากขึ้นพอสมควร สำหรับผลการพยากรณ์นั้นก็ถูกบ้างผิดบ้าง ผมเองก็ยังไม่พอใจในผลงานเท่าใดนัก จนกระทั่งผมได้ไปพบท่านอาจารย์วัลลภ ธรรมบันดาล (นามสกุลเดิมคือ บุญไชยเดช) เจ้าของตำรากาลโยค โดยไม่คาดคิดมาก่อน เนื่องจากผมได้ไปเข้าพิธีตรวจเช็ควิบากกรรม สะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา และเสริมบารมีของท่าน เห็นมีผู้คนมาให้ท่านพยากรณ์มากมาย จากคำบอกเล่าหรือท่าทางของคนที่มาดูดวงกับท่าน ล้วนแต่แสดงถึงความประทับใจทุกคนไป ผมจึงเกิดความสนใจขึ้นมาทันที และโดยเฉพาะจากคำบอกกล่าวเล่าขานต่อๆกันมาว่า คำพยากรณ์ด้วยตำรากาลโยคของท่านแต่ละคำพยากรณ์แม่นยำมาก เหมือนเปิดถ้วยแทงไฮโล ไม่มีการแบ่งรับแบ่งสู้หรือชั่งน้ำหนักดาวให้มากเรื่องเสียเวลา ทั้งเหตุการณ์และเรื่องราวถูกต้องแน่นอน ผมจึงตัดสินใจขอฝากตัวเป็นศิษย์กับท่าน ซึ่งท่านอาจารย์วัลลภก็ได้เมตตารับผมเป็นศิษย์ ท่านได้ทำพิธีครอบครูโหราศาสตร์ให้ผมและถ่ายทอดการพยากรณ์ด้วยตำรากาลโยคแก่ผมอย่างไม่ปิดบัง ระยะนั้นผมเข้ากรุงเทพฯบ่อย จึงมีโอกาสมาฝึกฝนการพยากรณ์จากท่านโดยตรงอยู่เสมอ เนื่องจากผมเองมีสถิติดวงชะตาของผู้ที่เคยมาให้พยากรณ์พอสมควร ก็ได้นำมาประกอบในการศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะรู้พื้นเพหรือประวัติของคนเหล่านั้นอยู่แล้ว ผลจากการทดสอบด้วยตำรากาลโยค ทำให้ผมรู้ด้วยตนเองและทราบด้วยตนเองว่าตำรากาลโยคนั้น ความแม่นยำมิได้ผิดจากคำเล่าลือที่ผมเคยได้ยินได้ฟังมาเลย เมื่อท่านอาจารย์วัลลภเห็นว่าหน่วยก้านและการพยากรณ์ของผมเป็นที่ไว้ใจได้ ท่านก็ได้ถ่ายทอดพลังญาณให้แก่ผมเพื่อช่วยในการพยากรณ์อีกแรงหนึ่ง และอนุญาตให้ผมออกพยากรณ์เองตามลำพังได้ ผมจึงใช้ตำรากาลโยคเป็นหลักในการพยากรณ์ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา”
สำหรับด้านผลงานในการพยากรณ์นั้น อาจารย์กิตตินันท์เล่าว่า
“คนที่มาดูดวงกับผม มีทั้งเพื่อนพนักงานธนาคารและบุคคลภายนอก แนะนำกันมาก็มาก บางครั้งดูให้แทบไม่ทัน สมัยทำงานธนาคารผมจะดูให้หลังเลิกงานและในวันหยุด สำหรับปัจจุบันให้บริการเต็มรูปแบบ ผู้ที่สนใจสามารถรับคำพยากรณ์ทางโทรศัพท์ หรือจะนัดมาพบที่บ้านผมเพื่อคุยกันโดยตรง บางท่านอยู่ต่างจังหวัด ต่างประเทศ ขอร้องให้พิมพ์คำพยากรณ์ส่งไปให้ทั้งทางอีเมล์และทางไปรษณีย์ ผมก็ยินดีบริการให้เต็มที่”
กรรมเก่า กรรมใหม่
ในทัศนะของอาจารย์กิตตินันท์
“การดูดวงก็คือ การดูทั้งกรรมเก่าและกรรมปัจจุบัน ดูเพื่อให้ทราบผลลัพธ์ของกรรมแต่ละอย่างว่าถ้าเราทำกรรมแบบนั้นแล้ว ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร การดูดวง คือ การดูว่าเส้นทางที่จะต้องเดินทางไปในแต่ละสายจะประสบกับความสะดวก มีความยากลำบาก หรือว่าจะมีอุปสรรคประการใด ซึ่งก็ต่างกันไปตามสภาวะกรรมของแต่ละคน บางคนสร้างกรรมเก่ามาดีก็ประสบแต่ความสุขความสบาย มีความทุกข์น้อยหน่อย บางคนสร้างกรรมดีมาน้อย ชีวิตก็มีแต่ความลำบาก สำหรับกรรมใหม่ ถ้าใครรู้ว่าทำอะไรแล้วผลเป็นเช่นไร ก็จะช่วยให้เลือกทางเดินที่เหมาะสมสำหรับตนเองได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของหมอดูหรือนักโหราศาสตร์นั่นเอง ที่จะให้คำแนะนำแก่เจ้าชะตาได้”
ส่วนใหญ่ผู้ที่มาดูดวง เมื่อดวงไม่ดีชะตาตก ก็มักจะขอคำแนะนำอยู่เสมอ อาจารย์กิตตินันท์ให้ความเห็นว่า
“ผมจะวิเคราะห์จากดวงชะตา ดวงจะบอกจุดแข็ง จุดด้อยของเขาเอง และเลือกพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตที่เมื่อปฏิบัติแล้ว ผลลัพธ์ออกมาตามที่เราต้องการโดยสอดคล้องกับการแสดงผลของดวงดาว จะทำให้เขาดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข
นอกจากนั้น สิ่งที่ผมพอจะแนะนำได้ก็คงไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่าการแนะนำให้หมั่นสร้างบุญทำกุศล และต้องกรวดน้ำด้วยบทอิมินา ปุญญะกัมเมนะฯ ทุกครั้ง ให้ปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะปฏิบัติได้ หรือหากมีผู้รู้ควบคุมดูแล ก็ควรปฏิบัติสมาธิภาวนาไปด้วย ส่วนใหญ่ก็รับฟังกันไป แต่ใครจะปฏิบัติตามหรือไม่ ผมเองก็ไม่อาจทราบได้ ผมทราบเพียงแต่ว่า หากใครปฏิบัติได้ก็จะเกิดผลดีแก่เขาอย่างแน่นอน เพราะถ้าเราสร้างแต่กุศลกรรมหรือกรรมดี ก็จะช่วยให้วิบากกรรมร้ายกลายเป็นอโหสิกรรมหรือเบาบางลงไปบ้าง เมื่อถึงคราวกรรมไม่ดีตามมาทันหรือมาสนอง ก็จะได้เบาบางลง แต่เมื่อคราวกรรมดีมาให้ผล บุญกุศลใหม่ที่เขาสร้างไว้จะยิ่งช่วยหนุนส่งให้เขาได้รับความสำเร็จมากขึ้นไปด้วย”
หมอดูกับการพยากรณ์ดวงชะตาของตนเอง
ท่านผู้อ่านคงจะเคยได้ยินได้ฟังมาบ้างว่าหมอดูมักจะดูดวงชะตาตนเองไม่ได้ ดูไม่แม่น เหล่านี้เป็นต้น เราลองมาฟังความเห็นของอาจารย์กิตตินันท์กันบ้างว่ามีความเห็นในเรื่องนี้เป็นประการใด ซึ่งอาจารย์กิตตินันท์ได้แสดงความเห็นไว้ว่า
“ในความเห็นของผมเองและประสบการณ์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่เริ่มเรียนการพยากรณ์ เราต้องใช้ดวงชะตาของตนเองนั่นแหละเป็นครู เพราะเราจะรู้ความเป็นไปของตนเองได้ลึกซึ้งมากกว่าของคนอื่น การดูดวงชะตาตนเองช่วยให้เราทราบว่าดวงดาวแต่ละดวงทำหน้าที่อย่างไร เพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับนำไปพยากรณ์ดวงชะตาผู้อื่น ผมเองก็อาศัยการดูดวงชะตาตนเองเป็นครูมาตลอด ช่วยให้ผมทราบความเป็นไปในชะตาชีวิตของตนเองในแต่ละช่วงได้เป็นอย่างดี และสามารถนำไปพยากรณ์ดวงชะตาผู้อื่นได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น บางครั้งไม่จำเป็นต้องดูดวงชะตาก็สามารถพยากรณ์ได้ถูกต้องแม่นยำ และอีกอย่างหนึ่งถ้าหมอดูดูดวงตนเองไม่แม่นแล้ว ก็คงจะดูดวงคนอื่นไม่ได้แน่ แต่ถึงแม้จะดูดวงได้แม่นยำเพียงใดก็ตาม หมอดูก็ใช่ว่าจะหลีกเลี่ยงจากกฎแห่งกรรมได้ นักโหราศาสตร์หรือหมอดูก็เปรียบเสมือนกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ถึงแม้จะทราบข้อเท็จจริงและพยากรณ์ความเป็นไปของลมฟ้าอากาศได้แม่นยำ แต่ก็ไม่สามารถที่จะไปห้ามลมฝนหรือพายุไม่ให้เกิดขึ้นได้ ทำได้อย่างดีที่สุดก็คือ การเตรียมการระวังป้องกันภัยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น หมอดูหรือนักโหราศาสตร์ก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะทำนายทายทักได้แม่นยำสักเพียงใดก็ตาม เขาก็ยังอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม แต่สิ่งที่นักโหราศาสตร์หรือหมอดูนำมาใช้ประโยชน์ได้ก็คือ การสร้างกรรมดีให้สอดคล้องกับอำนาจของดวงดาว มีผลทำให้ชะตาชีวิตเป็นไปตามที่เราต้องการภายใต้กรอบของฟ้านั่นเอง”
การสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา
ทัศนะของอาจารย์กิตตินันท์เกี่ยวกับการทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา
“ในสมัยนี้ สถานที่ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาต่างๆมีเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีทั้งของจริงและของไม่จริงปนเปกันไป แต่สำหรับที่ไหนเป็นอย่างไรนั้น ผมไม่ขอออกความเห็น แต่มีข้อเสนอแนะอยู่อย่างหนึ่งว่า ถึงแม้พิธีสะเดาะเคราะห์ที่ทำเป็นของจริงก็ตาม ผลดีจะไม่บังเกิดอย่างแน่นอนถ้าผู้เข้าพิธีไม่ช่วยตัวเองด้วยอีกทางหนึ่ง เช่น ทำพิธีแล้ว กลับไม่หมั่นสร้างบุญทำกุศล ไม่ปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรม ไม่ขยันทำมาหากิน พิธีนั้นก็คงจะไม่บังเกิดผลดีแต่ประการใดแน่นอน”
วิชาพลังธรรมบันดาล
ผู้เขียนเองรู้จักอาจารย์วัลลภ ธรรมบันดาล ผู้ถ่ายทอดการพยากรณ์ด้วยตำรากาลโยคให้แก่อาจารย์กิตตินันท์มาบ้างพอสมควรและยังทราบอีกว่าท่านสามารถใช้วิชาพลังธรรมบันดาลในการทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา ลดวิบากกรรม และเสริมบารมีเพื่อช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากที่มาขอความช่วยเหลือจนบุคคลเหล่านั้นต่างก็ฟื้นคืนฐานะขึ้นมาใหม่ และประสบความสำเร็จในชีวิตไปตามๆกัน ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้ว่า อาจารย์กิตตินันท์น่าจะได้รับความรู้หรือมีความสามารถทางด้านนี้มาบ้าง จึงได้โอกาสสอบถามความเป็นมา ซึ่งอาจารย์กิตตินันท์ก็ไม่รังเกียจที่จะเปิดเผยให้ทราบว่า
“แรกเริ่มเดิมที ผมเองไม่เคยสนใจวิชาด้านนี้เท่าใดนัก เพราะสมัยนี้จะหาคนที่มีวิชาความรู้ด้านนี้ที่สามารถทำให้ผู้เข้าพิธีพิสูจน์ได้ด้วยตนเองว่าได้ผลดีจริง ช่วยเขาได้จริงๆ ได้ยาก และสมัยนี้เป็นยุคของคอมพิวเตอร์ ใครจะหลงเชื่อเรื่องอย่างนี้ได้ง่ายๆ ผมเองก็จบการศึกษาในระดับสูงพอสมควร จึงไม่ค่อยเชื่อเท่าใดนัก แต่ก็ไม่เคยคิดดูถูกเหยียดหยามนะครับ”
อาจารย์กิตตินันท์หยุดครู่หนึ่งแล้วเล่าต่อไปว่า
“จนกระทั่งผมได้ใกล้ชิดท่านอาจารย์วัลลภ ธรรมบันดาล และเคยได้เข้าทำพิธีตรวจเช็ควิบากกรรมด้วยวิชาพลังธรรมบันดาลนี้ด้วยตนเอง อาจารย์วัลลภท่านสามารถทำให้ผมรู้ได้ด้วยตนเอง เห็นได้ด้วยตนเอง มีปฏิกิริยาเกิดขึ้นได้กับตนเองว่า ขณะนี้ผมมีวิบากกรรมใดตามมาสนองผลอยู่ นับว่าสมเหตุสมผลควรค่าแก่การศรัทธาเชื่อถือในเรื่องลี้ลับสำหรับคนในยุคไฮเทคอย่างผมโดยไม่มีข้อกังขาแต่ประการใด นอกจากผมจะประจักษ์จากการเข้าทำพิธีด้วยตนเองแล้ว หลังจากนั้นผมยังได้สังเกตปฏิกิริยาต่างๆที่เกิดขึ้นกับผมทุกแง่ทุกมุมว่าผลมาเร็วช้าประการใด หรือมีผลร้ายเกิดขึ้นด้วยหรือไม่ รวมถึงการประพฤติปฏิบัติของท่านอาจารย์วัลลภเองด้วย ผลที่ได้ก็คือ สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับผมล้วนเกิดขึ้นในแง่ดีทั้งสิ้นและผลดีที่เกิดขึ้นสำเร็จผลสัมฤทธิ์ผลทันตาเห็นจริงๆ การประพฤติปฏิบัติของท่านอาจารย์วัลลภเองก็ควรแก่การเลื่อมใสศรัทธาหรือเป็นเยี่ยงอย่าง ทุกครั้งท่านก็มักจะให้โอวาทและคำสั่งสอนที่มีเหตุผลควรนำพาไปปฏิบัติด้วย ผมจึงตัดสินใจขอเรียนวิชาพลังธรรมบันดาลจากท่านอาจารย์วัลลภอีกวิชาหนึ่ง แต่ไม่ใช่ว่าท่านจะรับสอนผมในทันที กว่าจะได้เรียนสมใจก็ใช้เวลานานพอสมควร เพราะวิชานี้เป็นวิชาที่มีประโยชน์มากมายจริงๆ ท่านจึงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเป็นพิเศษว่าผมมีคุณสมบัติที่เหมาะสมเพียงพอที่จะรับการถ่ายทอดวิชาพลังธรรมบันดาลหรือไม่ นับว่าผมโชคดีมากที่ท่านพิจารณาแล้ว ท่านเมตตารับถ่ายทอดวิชาพลังธรรมบันดาลให้แก่ผม ทำให้ผมสามารถใช้วิชานี้มาช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากที่เขามาขอความช่วยเหลือได้อย่างเต็มภาคภูมิ ทุกวันนี้มีคนมาขอความช่วยเหลือกันเป็นประจำ เชิญไปทำพิธีที่ต่างจังหวัดบ้าง หรือเชิญไปทำพิธีที่บ้านของเขาเองบ้าง ส่วนใหญ่ถ้าเขาปฏิบัติตามที่ผมแนะนำแล้วก็จะประสบผลสำเร็จสมความปรารถนากันทุกคน บางคนมีหนี้สินก็หมดหนี้หมดสิน บางคนขายที่ขายบ้านไม่ได้ เขาก็เอาดินมาให้ผมทำพิธี เขาสำเร็จผลสัมฤทธิ์ผลแล้วก็กลับมาสมนาคุณกันก็มี บางคนก็ให้ไปตรวจสเช็คสถานที่ต้องอาถรรพ์ ให้ผมช่วยทำพิธีปัดรังควาญให้ บางคนสร้างบ้าน ปลูกบ้านใหม่ คิดจะตั้งศาลพระภูมิ ศาลเจ้าที่ หรือแม้แต่ศาลพระพรหม ศาลพระแม่นางกวัก เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้อยู่ ผู้อาศัย เขามีความศรัทธาในตัวผม ก็มักจะเชิญผมไปทำพิธีตั้งศาล พอทำพิธีให้แล้วก็มักจะแจ้งผลมาให้ทราบกันอยู่เสมอ บางคนก็มาขอบอกขอบใจ บางคนสุขสบายดีแล้วหายไปเลยก็มี บางคนมีน้ำใจก็มาสมนาคุณกันตามกำลังทรัพย์และศรัทธา เมื่อเขาพบความสุขความเจริญกันได้ ผมก็อดดีใจไปด้วยไม่ได้ เราเองก็พลอยได้กุศลบารมีไปด้วย”
ครับ ท่านผู้อ่านที่รัก อาจารย์กิตตินันท์ นอกจากท่านจะสามารถพยากรณ์โชคชะตาได้แม่นยำแล้ว ท่านยังสามารถนำวิชาพลังธรรมบันดาลที่ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากอาจารย์วัลลภ ธรรมบันดาล ผู้โด่งดังไปทั่วประเทศและต่างประเทศในขณะนี้มาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยากให้กลับฟื้นคืนฐานะขึ้นมาใหม่ ประสบความสุขความเจริญกันได้ทันตาเห็น
หากสนใจ เชิญพิสูจน์ได้
จากเรื่องราวที่กล่าวมานั้น คงจะทำให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายได้รู้จักกับ อาจารย์กิตตินันท์ เจนาคม หมอดูผู้สืบทอดตำรากาลโยค ศิษย์อาจารย์วัลลภ ธรรมบันดาล ผู้โด่งดัง หากท่านมีเรื่องทุกข์ร้อนเนื่องจากการงานไม่ก้าวหน้า การค้าไม่เจริญ การเงินฝืดเคือง หรือมีเรื่องทุกข์ร้อนเนื่องจากสามีหน่าย ภรรยาหนี หรือเดือดร้อนเนื่องจากคดีความ หรือต้องการให้อาจารย์กิตตินันท์ทำพิธีตรวจเช็ควิบากกรรมฯ ตรวจเช็คสถานที่ต้องอาถรรพ์ ทำพิธีปัดรังควาญ ทำพิธีตั้งศาล ทำพิธีให้ขายบ้านได้เร็วๆ ก็เชิญติดต่อไปที่อาจารย์กิตตินันท์โดยตรง หมายเลขโทรศัพท์ 081-8152532